- ความผูกพันแห่งตำนานของคาร์เรร่า (Carrera) และความร่วมมืออันยาวนานกับแท็ก ฮอยเออร์ (TAG Heuer)
- แรงบันดาลใจแห่งการสรรสร้าง ปอร์เช่ 550 คูเป้ (Porsche 550 Coupé) รถแข่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- การระลึกถึงและเชิดชู องค์ประกอบต่างๆ ของการออกแบบ ได้รับอิทธิพลมาจากการแข่งขันที่มีชื่อเสียงในเม็กซิโก
ย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปีที่แล้ว 2 ทีมนักแข่ง ได้นำรถ ปอร์เช่ 550 คูเป้ (Porsche 550 Coupé) เข้าร่วมการแข่งขันคาร์เรร่า พานาเมริคานา (Carrera Panamericana) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการแข่งขันที่น่าสนใจในวงการรถแข่งในยุคนั้น และเมื่อ 60 ปีก่อน Jack Heuer ได้นำนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟหรือนาฬิกาจับเวลามาใช้สำหรับนักแข่งรถโดยเฉพาะ นั่นคือ TAG Heuer Carrera Chronograph และเพื่อเป็นหวนย้อนกลับไปถึงการแข่งรถในตำนานที่ประเทศเม็กซิโก เขาได้ตั้งชื่อนาฬิกาตามชื่อตามรายการแข่งรถในครั้งนี้ด้วย ทั้ง 2 เหตุการณ์บ่งบอกได้ถึงตำนานแห่งความผูกพันของ คาร์เรร่า (Carrera) และในการนี้ถือเป็นวาระแห่งการเฉลิมฉลองระหว่างทั้ง 2 แบรนด์ จึงเกิดโปรเจกต์พิเศษที่เรียกว่า "Sonderwunsch" โดยการนำเอารถ 718 เคย์แมน จีที4 อาร์เอส จำนวน 2 คัน มารังสรรค์ให้มีความพิเศษยิ่งขึ้นภายใต้รถแข่งหมายเลข 154 ได้รับความร่วมมือจากปอร์เช่ ลาตินอเมริกา และเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ Rennsport Reunion 7 งานพบปะของเหล่าบรรดาแฟนปอร์เช่ตัวยง จัดขึ้น ณ Weathertech Raceway Laguna Seca รัฐแคลิฟอร์เนีย
สตุ๊ทการ์ท/มอนเทอเรย์. Porsche และ TAG Heuer เป็นพันธมิตรกันมายาวนานหลายปี ตั้งแต่ความร่วมมือในกีฬามอเตอร์สปอร์ตรวมไปถึงการเปิดตัวนาฬิกาที่ออกแบบมาเชื่อมโยงกันต่อหลายครั้ง และในปัจจุบันเกิดการพัฒนารถยนต์รุ่นพิเศษ 'TAG Heuer x Porsche – Legends of Panamericana' Sonderwunsch เป็นโครงการที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่น 550 Coupé โดย 2 ทีมนักแข่งในรายการ Carrera Panamericana เมื่อปี 1953 สำหรับรุ่น 550 Coupé นี้ มีพื้นฐานมาจาก 718 Cayman GT4 RS ที่มีสมรรถนะเหนือชั้นอย่างไร้ที่ติ สร้างความประทับใจให้กับผู้ขับขี่ด้วยโครงสร้างน้ำหนักเบา การปรับแต่งแชสซีที่คล่องตัวเป็นพิเศษ และหลักอากาศพลศาสตร์ที่เหนือชั้น โดยการออกแบบของ 718 Cayman ถือเป็นซีรีส์ที่มีสมรรถนะสูงสุดเทียบเท่ารถแข่งในตำนาน และรถ Sonderwunsch หมายเลขแข่ง 154 จะถูกเปิดตัวในนิทรรศการ 'TAG Heuer Heritage Experience' งาน Rennsport Reunion 7
แพทริค เดมป์ซีย์ (Patrick Dempsey) นักแข่งรถ นักแสดงชาวอเมริกัน แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ TAG Heuer และ Porsche Design จะเข้าร่วมงานเปิดตัวที่ Rennsport Reunion 7 ในช่วงกลางเดือนตุลาคม และเขาจะขับรถสปอร์ตรุ่นใหม่นี้ ในช่วงที่ 1 และ 2 ของการแข่งขัน Carrera Panamericana ปีนี้ รถคันที่ 2 ที่มีหมายเลขแข่ง152 จะถูกนำมาโชว์ตัวที่นี่ด้วยเช่นกัน นั่นคือ 718 Cayman GT4 RS คันนี้มีความแตกต่างจากรถคันแรกเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะมีการเปิดประมูลในช่วงต้นปี 2024
รถสปอร์ตทั้ง 2 คันถูกสร้างขึ้นในเวิร์คช็อป Porsche Sonderwunsch ในเมือง Stuttgart-Zuffenhausen โดยได้รับความช่วยเหลือจาก Style Porsche ซึ่งเปรียบดั่งคลังข้อมูลของบริษัท ซึ่งปอร์เช่ ลาติน อเมริกา (Porsche Latin America) ได้ร่วมมือกับ TAG Heuer โดยหน้าที่สำคัญของผู้เชี่ยวชาญจาก Porsche Exclusive Manufaktur คือการยกระดับรถสปอร์ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการผสมผสานระหว่างงานฝีมือที่มีทักษะและความใส่ใจในรายละเอียด ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Co-Creation ปอร์เช่ได้จัดทำโครงการ Sonderwunsch ที่เป็นตำนานตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 ขึ้นมาใหม่ ซึ่งช่วยให้สามารถออกแบบรถยนต์ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (one-off cars) ให้ลูกค้าได้
คำแถลงเกี่ยวกับ TAG Heuer x Porsche – คู่ตำนานแห่ง พานาเมริคานา
อเล็กซานเดอร์ ฟาบิค (Alexander Fabig) รองประธานบริหารฝ่าย Individualization และ Classic ของ ปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอรถยนต์รุ่นพิเศษของ Sonderwunsch ซึ่งเป็นไฮไลท์ของงาน Rennsport Reunion ในปีนี้ รถยนต์ทั้ง 2 คันได้มีการออกแบบที่ผสมผสานคุณลักษณะของรถยนต์ในตำนานอย่าง ปอร์เช่ 550 คูเป้ (Porsche 550 Coupé) เข้าด้วยกัน ขณะเดียวกันโครงการนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า Sonderwunsch ของ ปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) สามารถทำอะไรได้บ้าง”
ด้านโรเบิร์ต เอเดอร์ (Robert Ader) หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ ปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) กล่าวว่า “การแข่งขัน Carrera Panamericana นั้น TAG Heuer และ Porsche มีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง อาทิ ด้านนวัตกรรม ด้านความหลงใหลในการแข่งรถ และการทำความฝันให้เป็นความจริง เราต้องการเฉลิมฉลองความร่วมมือของเราร่วมกับรถยนต์พิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ 2 คันนี้ และมากกว่านั้นยังเป็นของขวัญให้กับลูกค้าที่รักแบรนด์ของเราในละตินอเมริกา”
โทเบียส เอนิงเงอร์ (Tobias Eninger) ซีอีโอของ Porsche Latin America กล่าวว่า “ปอร์เช่ ลาติน อเมริกา (Porsche Latin America) ได้สร้างสรรค์รถยนต์พิเศษ 2 คันนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองตำนานแห่งปอร์เช่ในการแข่งขัน La Carrera Panamericana ระหว่างปี 1952-1954 และปีนี้เราภูมิใจอย่างมาก ไม่เพียงแค่การสร้างรถพิเศษที่ทำให้หวนระลึกไปถึงรถหมายเลข 152 ซึ่งคว้าชัยชนะที่ Carrera Panamericana ในปี 1953 เพียงเท่านั้น แต่ยังได้จำลองการแข่งขันแบบทีมโดยรถรุ่นพิเศษหมายเลข 154 และยิ่งไปกว่านั้น ยังได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม CSR โดยนำรถหมายเลข 152 นำไปประมูลในประเทศเม็กซิโก”
จอร์จ ซิซ (George Ciz) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (CMO) ของ TAG Heuer กล่าวว่า TAG Heuer x Porsche คือ 2 บริษัทที่เป็นพาสเนอร์ทางธุรกิจ มีการเฉลิมฉลองเนื่องในแห่งวาระแห่งปีที่ครบรอบ 60 ปีของนาฬิกา Carrera Chronograph นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น สำหรับ TAG Heuer ความร่วมมือครั้งใหม่กับปอร์เช่ แสดงถึงความตั้งใจอย่างเต็มที่ด้านความแม่นยำและสมรรถนะ เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมระหว่างการแข่งรถ และการเฉลิมฉลองจิตวิญญาณแห่งความเป็นมอเตอร์สปอร์ต และคือก้าวสำคัญของการเป็นหุ้นส่วนและพันธมิตรทางธุรกิจ และรถยนต์เหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า เมื่อแบรนด์ใหญ่ที่มีเอกลักษณ์ 2 แบรนด์มารวมตัวกัน สามารถสรรสร้างสิ่งที่พิเศษได้อย่างแท้จริง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะร่วมเฉลิมฉลองให้แก่ “Carrera” ด้วยการออกแบบคุณสมบัติพิเศษของรถ ซึ่งนั่นก็คือ: โมดูลนาฬิกาจับเวลา TAG Heuer ในคอนโซลกลางของรถ”
แพทริค เดมป์ซีย์ (Patrick Dempsey) นักแข่งรถปอร์เช่ และมีทีมแข่งรถของตนเอง อีกทั้งยังเป็นนักแสดงชาวอเมริกัน และแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ TAG Heuer และ Porsche Design กล่าวว่า “การแข่งขัน Carrera Panamericana พิเศษมากๆ เนื่องจากถูกมองว่าเป็นการแข่งขันที่ยากที่สุดในโลกมาเป็นเวลานาน ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เดินตามเส้นทางความสำเร็จของมอเตอร์สปอร์ตในยุคแรกของ Porsche และ Carrera ในตำนานของ TAG Heuer และได้อยู่ในจุดเริ่มต้นของการแข่งขันอันทรงเกียรติในปีนี้
องค์ประกอบของการออกแบบต่างๆ เชื่อมโยงกับแข่งขัน Carrera Panamericana ที่โด่งดัง
โครงการ Sonderwunsch มีองค์ประกอบในการออกแบบหลายอย่างที่แสดงถึงความเชื่อมโยงที่มีมายาวนานระหว่าง 2 แบรนด์ แกรนท์ ลาร์สัน (Grant Larson) จากสไตล์ ปอร์เช่ (Style Porsche) ได้ดีไซน์รถสำหรับการแข่งขัน Carrera Panamericana หมายเลข 152 และ 154 โดยใช้สีของตัวเลขเป็นสีเดียวกับตัวถังรถ และมีขอบสีเหลืองล้อมรอบหมายเลขการแข่งขัน สีบนประตูและหลังคาของรถถูกดีไซน์ด้วยภาพถ่ายของ Porsche 550 Coupé ที่ลงแข่งขันในรายการแข่งรถระดับตำนาน
รถทั้ง 2 คันเป็นสีเทา Le Mans Silver Metallic รวมไปถึงส่วนประกอบภายนอกอื่นๆ ขอบมุมของหน้าต่าง แผงช่องรับอากาศต่างๆ ที่บริเวณด้านหน้าและด้านข้าง ทอด้วยคาร์บอนทั้งหมด สีพิเศษถูกสรรสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน ด้วยความร่วมมือระหว่าง Porsche France, Automobile Club de l’Ouest (ACO) และผู้เชี่ยวชาญของปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) ซึ่งเป็นสีพิเศษที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีของ 24 Hours of Le Mans และถูกนำมาใช้สำหรับรุ่น '911 Carrera GTS Le Mans Centenaire Edition' และ 718 GT4 RS รถพิเศษสำหรับโปรเจกต์นี้อีกด้วย และสีนี้เป็นสีเดียวกับรถของผู้ชนะคนแรกในรายการ 24 Hours of Le Mans (356 SL Coupé, 1951) และในปี 1953 รถทั้ง 2 คันได้ลงสนาม Le Mans เป็นครั้งแรก และยังสามารถคว้า 2 อันดับแรกในรุ่นขนาด 1.5 ลิตรอีกด้วย
บริเวณตรงกลางฝากระโปรง และด้านข้างของปีกหลัง รถในโครงการ Sonderwunsch จะมีโลโก้ TAG Heuer เป็นสีเทาเข้ม มองเห็นได้ผ่านกระจกหลังบริเวณกล่องกรองระบายอากาศของเครื่องยนต์วางกลาง ส่วนฝาครอบดุมล้อของขอบล้อเซ็นทรัลล็อคบนปีกหน้าซ้าย (ของหมายเลขรถแข่ง 152) และบนซุ้มล้อหลังซ้าย (ของหมายเลขรถแข่ง 154) เป็นลายลายเพกาซัส อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือเจ้ารุ่น 550 Spyder ที่ปอร์เช่นำมาลงแข่งในรายการ Carrera Panamericana เป็นหนึ่งในรถแข่งคันแรกๆ ที่ติ๊กสติ๊กเกอร์ของสปอนเซอร์เป็นรูปม้ามีปีกซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของโลโก้โมบิลออยล์ (Mobil Oil) และในขณะนี้ Porsche Tequipment กำลังผลิต Pegasus เวอร์ชันดั้งเดิมขึ้นใหม่เพื่อติดเป็นสติ๊กเกอร์สำหรับลูกค้า Porsche ทุกคน
ภายในห้องโดยสารใช้หนังสีแดง Guards Red ตัดกับแผงหน้าปัดและแผงประตูสีดำ on-board interior package ผิวอะลูมิเนียมชุบอะโนไดซ์สีดำ ซี่ล้อพวงมาลัยก็เป็นสีดำเช่นกัน พร้อมไฮไลท์สำคัญคือการปักเดินด้ายไขว้ 3 สี ตามสีของธงชาติเม็กซิโกและโลโก้ TAG Heuer รอยเย็บสีเขียว สีขาว และสีแดง ซึ่งจะเห็นได้บนขอบพวงมาลัย และตัวอักษร 'GT4 RS Panamericana Special' ถูกพิมพ์ลงบนแผงประตู และพิมพ์ลงบนแผงที่วางแก้วด้านผู้โดยสารบริเวณหน้าปัด โดยผู้เชี่ยวชาญแผนก Porsche Exclusive Manufaktur ได้ใส่องค์ประกอบสำคัญอีก 2 สิ่งคือ ของโลโก้ Carrera Panamericana ที่ติดบนหมอนพนักพิงศีรษะ พร้อมกับดีไซน์ตัวอักษรอันเป็นเอกลักษณ์ของหมวกนักแข่ง และโลโก้ TAG Heuer บริเวณที่วางแขนระหว่างคนขับและผู้โดยสาร อีกหนึ่งความพิเศษของรถแข่งหมายเลข 154 คือโมดูลนาฬิกาจับเวลา TAG Heuer ที่คอนโซลกลาง ซึ่งถูกออกแบบและผลิตโดย TAG Heuer สำหรับโปรเจกต์นี้โดยเฉพาะ และไม่มีวางจำหน่าย
เกี่ยวกับ คาร์เรรา พานาเมริกานา (Carrera Panamericana)
คาร์เรรา พานาเมริกานา (Carrera Panamericana) เป็นการแข่งรถบนถนนที่ทรหดเป็นระยะทางกว่า 3,400 กิโลเมตรทั่วประเทศเม็กซิโก การแข่งรถนี้มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับ Porsche และ TAG Heuer ในปี 1952 บริษัทได้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกโดยได้รับการสนับสนุนจากโรงงาน และในปี 1953 รถสปอร์ต Type 550 ใหม่ก็ได้ลงแข่งในชื่อ Spyder และ Coupé
จิตวิญญาณของการแข่งขันและชื่อเสียงที่โด่งดัง เป็นแรงบันดาลใจให้ Jack Heuer สร้างนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟ Carrera เรือนแรก และเปิดตัวในปี 1963 ถือเป็นโครโนกราฟเรือนแรกที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับนักแข่งรถมืออาชีพและผู้ที่ชื่นชอบรถสปอร์ต การออกแบบให้อารมณ์สื่อถึงพละกำลังแห่งความเร็ว และแรง สำหรับหน้าปัดมาพร้อมกับฟังก์ชั่นสำหรับวัดความเร็ว นาทีหน่วยเป็นทศนิยม ซึ่งปอร์เช่ได้จดทะเบียนการค้าและใช้คำนี้ไปอย่างเป็นทางการ ณ งาน IAA เมื่อปี 1955 พร้อมเปิดตัวรถยนต์ปอร์เช่รุ่น 356 A 1500 GS Carrera และในปี 1972 ปอร์เช่ได้เปิดตัว 911 Carrera RS 2.7 อย่างเป็นทางการ
Porsche และ TAG Heuer ได้สานต่อกิจกรรมของ Carrera มาเป็นเวลาหลายปีและคงความมีชื่อเสียงอันโด่งดังในตำนานของยุคทองมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์เป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน สืบเนื่องมาจากการขาย Heuer ให้กับ TAG Group ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 บริษัทจึงกลายเป็น TAG Heuer จวบจนยุคของเครื่องยนต์ TAG Turbo ที่พัฒนาและสร้างโดย Porsche อีกทั้งยังได้รับทุนจาก TAG Heuer ซึ่งนับเป็นยุคของเครื่องยนต์ TAG Turbo ที่พัฒนาและสร้างโดย Porsche ลงทุนโดย TAG Heuer นี่คือเครื่องยนต์ที่ทำให้ Niki Lauda (1984) และ Alain Prost (1985 และ 1986) กลายเป็นแชมป์โลก F1 และทีม McLaren TAG Porsche ยังได้รับรางวัลผู้สร้างติดต่อกัน ทั้งในปี 1984 และ 1985
ในปี 1999 ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 แบรนด์ แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นสืบเนื่องมาจากการแข่งขัน Porsche Carrera Cup และ Supercup ตามด้วยการแข่งขัน Endurance World Championship และในปี 2019 Porsche ได้ก่อตั้งทีม Formula E โดยมี TAG Heuer เป็นผู้สนับสนุนหลักและดูแลเรื่องการจับเวลา จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา TAG Heuer ยังเป็นผู้สนับสนุนหลักของซีรีส์การแข่ง Porsche TAG Heuer Esports Supercup
เกี่ยวกับปอร์เช่
Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองสตุ๊ทการ์ท-ซุฟเฟินเฮาเซิน (Stuttgart-Zuffenhausen) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก เมื่อปี ค.ศ. 2022 ปอร์เช่ได้ส่งมอบรถยนต์รุ่น 911, 718 บ็อกซเตอร์, 718 เคย์แมน, คาเยนน์, มาคันน์, พานาเมร่า และไทคานน์ จำนวนทั้งสิ้น 309,884 คัน ให้กับลูกค้าทั่วโลก ผู้ผลิตรถสปอร์ตรายนี้ประกาศผลกำไรจากการดำเนินงาน 6.8 พันล้านยูโร และผลตอบแทนจากการขาย 18.0 เปอร์เซ็นต์ ปอร์เช่มีโรงงานในเมืองสตุ๊ทการ์ทและไลพ์ซิก (Stuttgart and Leipzig) และศูนย์การพัฒนาในเมืองไวส์ซาค (Weissach) บริษัทมีพนักงานประมาณ 40,000 คน แบรนด์ปอร์เช่แสดงถึงความหรูหราทันสมัย บริษัทใช้แนวทางแบบองค์รวมเพื่อรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ นิเวศวิทยา และสังคม ปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) กำลังดำเนินการเพื่อสร้างงบดุลที่คาร์บอนเป็นกลางตลอดห่วงโซ่คุณค่าสำหรับรถยนต์ภายในปี ค.ศ. 2023
เกี่ยวกับ Porsche Exclusive Manufaktur
Porsche Exclusive Manufaktur และ Porsche Classic ยกระดับและฟื้นฟูรถสปอร์ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการผสมผสานระหว่างงานฝีมือที่มีทักษะและความใส่ใจในรายละเอียด ในฐานะส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Co-Creation ปอร์เช่ดำเนินงานสานต่อโครงการ Sonderwunsch ถือเป็นโครงการอันเป็นตำนานของบริษัทในช่วงปลายทศวรรษ 1970 อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้สามารถออกแบบรถยนต์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวได้ โดยร่วมสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่างลูกค้าและผู้ผลิตมืออาชีพของปอร์เช่ โดยบริการต่างๆ ครอบคลุมขอบเขตของการว่าจ้างจากโรงงานโดยตรงในการผลิต การเลือกสี และวัสดุ และออฟชั่นของลูกค้าแต่ละราย รวมไปถึงการดำเนินงานหลังจากส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้า ตลอดจนการออกแบบสี หรือวัสดุต่างๆ ได้เองเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล บริการ Factory One-Off ถือเป็นการพัฒนาทางเทคนิคใหม่ที่เป็นระบบ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของ Porsche Exclusive Manufaktur หรือ Porsche Classic จะดูแลการใช้งานอย่างใกล้ชิดและพิจารณาตามอายุการใช้งานของรถ
เกี่ยวกับแท็ก ฮอยเออร์ (TAG Heuer)
TAG Heuer ก่อตั้งขึ้นในปี 1860 โดย เอ็ดเวิร์ด ฮอยเออร์ (Edouard Heuer) ในเทือกเขา Jura ของสวิตเซอร์แลนด์ เป็น แบรนด์นาฬิกาสุดหรูที่เป็นส่วนหนึ่งของ LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton SE (“LVMH”) ซึ่งเป็นกลุ่มแบรนด์หรูชั้นนำของโลก TAG Heuer มีสำนักงานใหญ่ในเมือง La Chaux-de-Fonds ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีโรงงานผลิต 4 แห่ง มีพนักงาน 1,860 คน และดำเนินงานใน 139 ประเทศ ผลิตภัณฑ์ TAG Heuer มีจำหน่ายทางออนไลน์ที่ www.tagheuer.com สำหรับบางประเทศ และในร้านบูติก 260 แห่ง และจุดจำหน่าย 2,300 แห่งทั่วโลก โดยบริหารและดำเนินงานโดย เฟรเดริก อาร์โนลต์ (Frédéric Arnault) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ TAG Heuer
เป็นเวลากว่า 163 ปีที่ TAG Heuer ได้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการผลิตนาฬิกาแบบล้ำสมัยอย่างแท้จริง และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งรวมถึงเฟืองแบบสั่นสำหรับนาฬิกาจับเวลาแบบกลไกในปี ค.ศ. 1887, Mikrograph ในปี ค.ศ. 1916 ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวโครโนกราฟแบบไขลานอัตโนมัติเครื่องแรก - Caliber 11 – ในปี ค.ศ. 1969 และสมาร์ทวอทช์สุดหรูเรือนแรกในปี ค.ศ. 2015 ปัจจุบัน คอลเลกชันหลักของแบรนด์ประกอบด้วย 3 รุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่ออกแบบโดย แจ็ค ฮอยเออร์ (Jack Heuer) – TAG Heuer Carrera, Monaco และ Autavia – และปิดท้ายด้วย TAG Heuer Link, Aquaracer, Formula 1
การนำคติประจำใจของ TAG Heuer มาใช้ คือ "Don't Crack Under Pressure" ถือเป็นความร่วมมือที่โดดเด่นและเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่แสดงออกถึงความหลงใหลในการดำเนินการและมีประสิทธิภาพสูงของแบรนด์ www.tagheuer.com @TAGHeuer #TAGHeuer
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม รวมทั้งภาพยนตร์ และภาพถ่ายได้ที่ Porsche Newsroom: newsroom.porsche.de
รถยนต์ใหม่ทุกคันที่นำเสนอโดยปอร์เช่ได้รับการอนุมัติประเภทตาม WLTP ส่วนค่า NEDC อย่างเป็นทางการที่ได้มาจากค่า WLTP จะไม่มีให้สำหรับรถยนต์ใหม่อีกต่อไป ณ วันที่ 1 มกราคม 2023 ดังนั้นจึงไม่สามารถระบุได้
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเป็นทางการและการปล่อยก๊าซคอนบอนไดออกไซด์ (CO2) อย่างเป็นทางการของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลใหม่มีอยู่ในสิ่งพิมพ์ชื่อ 'แนวทางการใช้เชื้อเพลิง การปล่อยก๊าซคอนบอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลใหม่' ซึ่งสามารถรับได้ฟรีจากตัวแทนจำหน่าย และจาก DAT, Hellmuth-Hirth-Strasse 1, D-73760 Ostfildern
เกี่ยวกับปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ผู้นำเข้ารถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ โดยได้รับการแต่งตั้งจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2536 ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส กรุ๊ปฯ ทุ่มงบการอบรมบุคลากรให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี ปัจจุบัน ปอร์เช่ ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการเปิดให้บริการ 4 แห่ง คือ Porsche Centre Bangkok , Porsche Centre Pattanakarn, Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2 ,Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 และขยายเพิ่มอีก 3 แห่งในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ ศูนย์ปอร์เช่ กัลปพฤกษ์, ศูนย์ปอร์เช่ บางนา และศูนย์ปอร์เช่ พัทยา
Porsche PR Thailand
Public Relations and Media
อจิณไตย สุดใจ (จูซ)
Phone: +662 522 6655 ext. 448
E-mail: porschepr@porsche.co.th